วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

กาพย์ฉบัง 16


กาพย์ฉบัง 16




ตัวอย่าง กาพย์ฉบัง ๑๖ 

อินทรชิตบิดเบือนกายิน......เหมือนองค์อมรินทร์
ทรงคชเอราวัณ
ช้างนิรมิตฤทธิ์แรงแข็งขัน.....เผือกผ่องผิวพรรณ
สีสังข์สะอาดโอฬาร์




กฏ
1. บทหนึ่งมี 3 วรรค วรรคแรกมี 6 คำ วรรคที่สองมี 4 คำ และวรรคที่สามมี 6 คำ รวมบทหนึ่งมี 16 คำ จึงเรียกว่ากาพย์ฉบัง 16
2. สัมผัสมีดังนี้
คำสุดท้ายของวรรคแรก สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่สอง ถ้าจะแต่งบทต่อไป ต้องใช้คำสุดท้ายของวรรคต้น สัมผัสกับคำสุดท้ายวรรคแรกของบทต่อไป ซึ่งถือเป็นสัมผัสระหว่างบท
3. คำสุดท้ายของบทห้ามใช้คำตาย หรือคำที่มีรูปวรรณยุกต์และนิยมใช้เสียงวรรณยุกต์สามัญหรือจัตวา
4. กาพย์ฉบัง นิยมแต่งเกี่ยวกับตอนที่เป็นบทพรรณนาโวหารและนิยมแต่งเป็นบทสวดและบทพากย์โขนด้วย
(หนังสืออ้างอิง รศ.วิเชียร เกษประทุม,2550,ลักษณะคำประพันธ์ไทย,สำนักพิมพ์พัฒนาศึกษา,หน้า 105)


อธิบายเพิ่มเติม กาพย์ฉบัง ๑๖ 


          คณะ คณะของกาพย์ฉบังมีดังนี้
          กาพย์ฉบังบทหนึ่งมีเพียง  ๑  บาท  แต่มี ๓  วรรค คือ วรรคต้น วรรกลาง และวรรคท้าย 
          พยางค์  พยางค์หรือคำในวรรคต้นมี  ๖  คำ วรรคกลางมี  ๔ คำ วรรคท้ายมี ๖ คำ รวมทั้งบทมี ๑๖ คำ จึงเขียนเลข ๑๖ ไว้หลังกาพย์ฉบัง
          สัมผัส มีข้อสังเกตเกี่ยวกับสัมผัสของกาพย์ฉบังดังนี้
          ก. สัมผัสนอก (บังคับ) โปรดสังเกตเส้นโยงสัมผัสประกอบ
          ๑) ในบทที่ ๑ คำสุดท้ายของวรรคต้นสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคกลาง (บูชา-มารดา)
          ๒) คำสุดท้ายของวรรคท้ายในบทที่ ๑สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคต้นในบทที่ ๒ (ตน-กมล)
และในบทต่อ ๆ ไปก็มีสัมผัสทำนองเดียวกับข้อ ๑ และ ข้อ ๒
          ข. สัมผัสใน (ไม่บังคับ)
          ๓) สัมผัสในชนิดสัมผัสสระ  มีในบทที่ ๑วรรคท้าย คือ กำเนิด-เกิด ในบทที่ ๒ วรรคท้ายคือ  มหา-สาครินทร์  ในบทที่  ๔ วรรคท้าย คือวิชา-อาทร ภาษา-จริยา-สง่าศรี
          ๔) สัมผัสในชนิดสัมผัสอักษร มีดังนี้
          บทที่ ๑ ข้า-ขอ บิดร-มารดา ก่อ-กำเนิด-เกิด
          บทที่ ๒ กตัญญู-ยึด มั่น-กมล
          บทที่ ๓ ข้า-ขอ-คุณ  สั่ง-สอน
          บทที่ ๔ ถ่าย-ทอด-อาทร ภาษา-สง่าศรี 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น